รถยนต์ไฟฟ้า EV นวัตกรรมช่วยลดก๊าซเรือนกระจก

  • Home
  • รถยนต์ไฟฟ้า EV นวัตกรรมช่วยลดก๊าซเรือนกระจก
Image

รถยนต์ไฟฟ้า (EV) นวัตกรรมช่วยลดก๊าซเรือนกระจก

 

ที่มา: https://www.ktc.co.th/article/knowledge/electric-vehicle-thailand?lang=en

 

รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles – EV) เป็นหนึ่งในนวัตกรรมสำคัญที่ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง นวัตกรรมหลายอย่างในรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจ เช่น การพัฒนาแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความจุมากขึ้น การชาร์จไฟอย่างรวดเร็ว มีระบบขับขี่แบบอัตโนมัติและมีระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ การใช้พลังงานสีเขียวในการกำเนิดไฟฟ้า และการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าให้มีตัวเลือกที่หลากหลายขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าหลายกลุ่ม

ปัจจุบันตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังขยายอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่ของโลก หลายประเทศมีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น มีการพัฒนาเทคโนโลยีหลากหลายขึ้น ทำให้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้ามีต้นทุนในการผลิตที่ลดลง นโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นตลาด การสร้างสถานีชาร์จให้มีปริมาณเพิ่มขึ้นและกระจายอยู่อย่างกว้างขวางและทั่วถึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น

 

การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น โดยมีผู้ผลิตใหม่ๆ เข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งทำให้มีการพัฒนานวัตกรรมในระบบรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ในอนาคตคาดว่ารถยนต์ไฟฟ้าคงเป็นที่ยอมรับมากขึ้นและเป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ของรถยนต์ในอนาคต

 

การทำงานของรถยนต์ไฟฟ้า

 

รถยนต์ไฟฟ้าทำงานโดยใช้พลังงานจากแหล่งจ่ายไฟฟ้าภายนอก หรือจากแบตเตอรี่ที่ติดภายในรถเพื่อขับเคลื่อนมอเตอร์ที่ทำให้ล้อของรถเคลื่อนที่ มาอ่านกันว่ารถยนต์ไฟฟ้า ทำงานอย่างไร ใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง

1. แบตเตอรี่

รถยนต์ไฟฟ้ามีแหล่งจ่ายไฟฟ้าในรูปแบบของแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle – BEV) หรือการเชื่อมต่อไปยังแหล่งจ่ายไฟฟ้าภายนอก (Plug-in Hybrid Electric Vehicle – PHEV) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV แบตเตอรี่เป็นแหล่งเก็บพลังงานหลักที่ใช้ในการขับเคลื่อนรถ และสำหรับรถยนต์ PHEV แบตเตอรี่ก็ยังเป็นแหล่งเก็บพลังงานหลัก แต่ยังสามารถชาร์จจากแหล่งจ่ายไฟฟ้าภายนอกได้

2. การแปลงพลังงาน

แบตเตอรี่เป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้กระบวนการแปลงพลังงานเพื่อให้ได้พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อนรถ กระบวนการนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อของชุดตัวแปลงไฟฟ้า (Power Inverter) ซึ่งทำหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าจากกระแสที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่เป็นกระแสที่ใช้ในการขับเคลื่อนมอเตอร์

3. การขับเคลื่อนมอเตอร์

มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) คืออุปกรณ์หลักที่ใช้ในการขับเคลื่อนรถ มอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ในการแปลงพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากแหล่งจ่ายของมอเตอร์ เป็นพลังงานจลน์ การแปลงพลังงานนี้ทำให้ล้อรถเคลื่อนที่โดยการหมุน ส่งผลให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าหรือข้างหลัง

4. การควบคุมและการจ่ายพลังงาน

ระบบควบคุมทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังมอเตอร์ให้ทำงานตามคำสั่ง รวมถึงควบคุมความเร็วของรถและระบบเบรกไฟฟ้าด้วย

5. การเร่งความเร็วและการเบรก

การเพิ่มความเร็วของรถยนต์ไฟฟ้าสามารถทำได้โดยการเพิ่มกระแสไฟฟ้าไปยังมอเตอร์ แต่เมื่อต้องการลดความเร็วหรือหยุดรถ ระบบเบรกไฟฟ้าจะทำงานโดยพลังงานจากล้อแต่ละล้อจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าและถูกส่งกลับไปยังแหล่งจ่ายไฟ (Regenerative Braking) ซึ่งช่วยทำให้รถเบรกและพลังงานจากการเบรกก็ถูกนำกลับไปชาร์จแบตเตอรี่

 

ข้อดีและข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้า

 

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ามีการพัฒนานวัตกรรมอย่างหลากหลาย และให้ผู้ใช้งานเข้าถึงได้ง่ายขึ้นแล้ว แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ทำให้รถไฟฟ้าได้รับความนิยมอย่างไม่แพร่หลายมากนัก มาดูกันว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีข้อดีและข้อจำกัดอะไรบ้างเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง

1. ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า

 

 1.1 ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

รถยนต์ไฟฟ้าไม่มีการปล่อยก๊าซเสียที่ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศดังนั้นการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าช่วยลดการก่อมล พิษและลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกไปในอากาศ

1.2 ค่าใช้จ่ายในการใช้งาน

รถยนต์ไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายในการใช้งานต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงการชาร์จไฟฟ้าสำหรับแบตเตอรี่มีค่าใช้จ่ายต่ำก ว่าการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องไฟฟ้ามีราคาถูกกว่าน้ำมัน

 1.3 ความเงียบของเครื่องยนต์

ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าทำงาน ระบบการทำงานมีเสียงที่เงียบมากเนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้าไม่มีเสียงการเผาเชื้อเพลิงและมีเสียงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 1.4 การบำรุงรักษาง่าย

รถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนประกอบน้อยที่ต้องการการบำรุงรักษาเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไม่มีระบบส่งกำลัง (Powertrain System) ที่ต้องได้รับการบำรุงรักษาในระยะยาว

 

2. ข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้า

 

2.1 ระยะทางการขับขี่

แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีการพัฒนาระบบอยู่ตลอดแต่ยังมีข้อจำกัดในระยะทางการขับขี่ที่ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้การชาร์จแบตเตอรี่ใช้เวลามากขึ้นเมื่อเทียบกับการเติมน้ำมัน

โดยทั่วไปการชาร์จใช้เวลาตั้งแต่ 30 นาทีถึงหลายชั่วโมงซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของการชาร์จและความจุของแบตเตอรี่การเดินทางด้วย

 

ที่มา : https://www.pptvhd36.com/automotive/news/187600

 

2.2 สถานีชาร์จไม่ทั่วถึง

สำหรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าการมีสถานีชาร์จที่ทั่วถึงและเข้าถึงง่ายเป็นสิ่งสำคัญมากหากสถานีชาร์จมีให้บริการน้อย และไม่สามารถเข้าถึงการใช้งานได้อย่างง่ายจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้า

2.3 ราคาและความเสถียรภาพของแบตเตอรี่

แบตเตอรี่ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าแต่สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เป็นข้อจำกัดในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า คือแบตเตอรี่มีราคาสูงและยังมีความจุไม่มากพอสำหรับการใช้งานในการเดินทางไกล

 2.4 ค่าใช้จ่ายในการซื้อรถ

รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาในการซื้อที่สูงกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแม้ว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินรถและบำรุงรักษาจะลดลงในระยะยาว แต่ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นยังเป็นข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้งานหลายท่าน

 

เป็นไปได้ว่าในอนาคตรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกพัฒนาและค่อยๆ ก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ ไปได้ รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นลดลงด้วย เนื่องจากมีผู้ผลิตหลากหลายเจ้ากำลังหันมาสนใจผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อทำให้ผู้ใช้งานหันมาสนใจมากขึ้น ผู้ผลิตจะมีการปรับลดราคาลงอย่างแน่นอนในอนาคต

เพื่อการเข้าถึงสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอย่างทั่วถึง สามารถศึกษาการลงทุนและการขออนุญาตติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าได้ที่ EV Charging Station ธุรกิจใหม่ที่น่าลงทุน และ การขออนุญาตประกอบกิจการ EV Charging Station

 


ติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำปรึกษาฟรีได้ที่ 

อีเมล : onrampa@emenergy.co.th , mana@emenergy.co.th

Line : @emenergy

Facebook Fanpage : EM Energy

โทร  : 084-671-5999

 

“ อยากประหยัดค่าไฟ ไว้ใจ EM Energy ผู้เชี่ยวชาญด้านการลดค่าไฟด้วยการติดตั้งโซล่าเซลล์ ”

 

สามารถดูผลงานของเราเพิ่มเติมได้ที่

EM Energy : https://www.emenergy.co.th/project-reference/